การประมูลนาฬิกาแห่งศตวรรษ 26 ตุลาคม 2017 Rolex Daytona Paul Newman’s Paul Newman
วันพฤหัสฯที่ 26 ตุลาคม 2017 จะเป็นวันที่นักสะสมนาฬิกาทั่วโลกเฝ้าการประมูลหน้าจอคอมฯ หรือสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เนื่องจากจะมีการประมูลนาฬิกาที่สำคัญที่สุดเรือนหนึ่งของโลก นาฬิกา Rolex Daytona ของคุณ Paul Newman หนึ่งเดียวในโลกจากลักษณะหน้าปัดที่มีชื่อเรียกเฉพาะในหมู่นักสะสมตามชื่อบุคคลสำคัญนามว่า ‘พอล นิวแมน’ บางคนอาจจะเรียกหน้า Exotic, หน้าแพนด้า ฯลฯ แต่นี่คือนาฬิกาที่นักสะสมทั้งโลกตามหา ตัวแทนของชายผู้รักการผจญภัย เขาใช้ชีวิตโดยไม่ยึดติดกับสิ่งใด และมีภรรยาแสนดีอยู่ข้างกายเขาตลอด 50 ปีที่ผ่านมา
Daytona เรือนนี้สำคัญอย่างไร?
นาฬิกาชื่อดังมักมีประวัติเชื่อมโยงกับเซเลบริตี้คนดัง ผู้เคยเป็นเจ้าของ แม้แต่เพียงภาพออกสื่อว่าเคยใช้ / เคยใส่ หรือถูกใช้ในภาพยนตร์ / อยู่ในเหตุการณ์สำคัญ ฯลฯ องค์ประกอบเหล่านี้ย่อมมีผลต่อความนิยมและราคาได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น Omega พยายามพูดมาตลอด 50 ปีว่า Omega Speed Master ถูกเลือกจาก NASA ในภารกิจพิชิตดวงจันทร์ (ถึงแม้ว่านิล อามสตรองไม่ได้ใส่ Omega ตอนลงเหยียบดวงจันทร์จริง ๆ ก็ตาม) รวมไปถึงการไปเชื่อมโยงกับหนังสายลับชื่อดังอย่าง James Bond, Omege Seamaster เป็นหนึ่งใน Gadget สำคัญติดตัวสายลับอังกฤษผู้มี ‘ใบอนุญาตฆ่า’ รหัส ‘00’ (License to Kill) อยู่เสมอ
Patek Philippe อาจจะยิ่งใหญ่พอที่ไม่ต้องทำแบบนั้น เพราะ Patek มักตอกย้ำคุณค่านาฬิกาที่เหนือเหตุผลและกาลเวลา แต่ก็มีการอ้างถึงลูกค้า VVIP ระดับราชวงศ์, คหบดี พ่อค้านักธุรกิจผู้มั่งคั่ง ตัวอย่างเช่น Patek ที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ก็เป็นของคุณ Henry Graves ซึ่งเรื่องราวของ Graves เองก็ชวนให้น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
วิธีการของ Rolex ก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่ช่วงศตวรรษที่ 19 กลยุทธ์ Rolex มักจะเชื่อมโยงกับภารกิจเป็นหลัก บุคคลมาเป็นอันดับรอง (แต่สิ่งที่ Rolex ไม่เคยพูดถึงคือความผิดปกติของการผลิตที่สามารถทำราคาสูงขึ้นได้อย่างหน้าประหลาด) ยกตัวอย่างเช่น ช่วงปี 1930 Rolex กล่าวยกย่อง Sir Malcom Campbell มนุษย์คนแรกผู้ทำสถิติความเร็วระดับ 300 กม/ชม เพราะ Rolex ต้องการเกาะกระแสข่าวนี้เพื่อโปรโมทนาฬิกาจับเวลาที่ยังไม่มีชื่อของตน แต่ทั้ง Rolex และท่านเซอร์ ก็หาข้อสรุปไม่ได้ว่าเกี่ยวข้องอะไรกัน สุดท้าย Rolex ไปจบที่การเป็นสปอนเซอร์สนามแข่งรถเมือง Daytona รัฐฟลอริด้า และยกชื่อ ‘Daytona’ มาไว้บนหน้าปัด จนคนลืมไปว่าชื่อที่แท้จริงของนาฬิกาจับเวลานี้คือ ‘Cosmograph’
ในขณะที่การเชื่อมโยงถึงเซเลบริตี้คนดังผู้เคยครอบครองสิ่งของเหล่านี้ ช่วยทำให้ราคาประมูลสูงขึ้นกว่าอย่างมีนัยสำคัญ แต่กลับมีเรื่องแปลกที่การประมูลนาฬิกา Rolex Daytona ทุกครั้ง เพียงแค่มีหน้าปัดตรงกับรุ่นของคุณ Paul Newman แต่ไม่มีเรือนไหนเป็นของคุณ Paul Newman เลย กลับสร้างความตื่นเต้นในการประมูลทุกครั้ง ล่าสุด Rolex Daytona Yellow Gold Ref.6239 หน้า Exotic Paul Newman ก็สามารถทำสถิติ Rolex แพงเป็นอันดับที่สองของโลก ไปด้วยราคาเบา ๆ เพียง 3.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 122 ล้านบาทไทย (อันดับ 1 คือ Rolex ของ “บ่าวได๋” : 5 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ใครคือ Paul Newman ?
Paul Leonard Newman (1925-2008) ดารานักเสดงฮอลลีวูดชาวอเมริกัน (รุ่นเดียวกับ Robert Redford และ Steve McQueen ฯลฯ) เขาไม่ต่างจากดาราฮอลลีวูดรูปหล่อคนอื่น ๆ ที่เป็นทั้งนักรัก และนักบู๊ ในแบบ American Icon ทั่วไป บทบาทสุดคูลในภาพยนตร์นับไม่ถ้วน เขาเคยได้รับการเสนอชื่อชิงราววัล Oscar ถึง 10 ครั้ง จนเมื่อในปี 1987 เขาได้รับรางวัล Oscar นักแสดงชายยอดเยี่ยม จากเรื่อง The Color of Money (ดาราประกอบที่เล่นในหนังเรื่องนั้นคือ ทอม ครูส) แต่หากคุณเกิดไม่ทัน เรื่องสุดท้ายจริง ๆ ที่เราน่าจะคุ้นเคยกันทุกวัย คือภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง Cars / Cars3 แต่เขาไม่ได้แสดงจริง เพราะเป็นเพียงเสียงในบทรถคุณปู่ในตำนาน Doc Hudson ที่ทุกคนต้องจำได้ …ก็ไม่แปลกใจที่บทนี้ต้องเป็นเขาเท่านั้น
สิ่งที่ทำให้ Paul Newman ได้รับฉายา King Cool (ฉายาคล้ายกับ Steve McQueen) คงเพราะรสนิยมเรื่องแข่งรถ Paul Newman ค้นพบตัวเองระหว่างแสดงหนังเรื่อง ‘Winning’ ว่าเขาหลงใหลการแข่งรถอย่างมาก จนต่อมาเขาสามารถพูดได้ว่า การแสดงคืองานอดิเรก แต่การแข่งรถเป็นงานหลัก แถมฝีมือการขับรถก็ไม่ธรรมดา เพราะเขาเคยได้รับตำแหน่งที่ 2 ในการแข่งสุดโหด Le Mans 24 hrs เมื่อปี 1979 ซึ่งพิสูจน์ได้ว่า เขาจริงจังกับเรื่องนี้มาก
คุณ Paul มีรักที่ยาวนานกับภรรยา Joanne Woodward และทั้งคู่ครองคู่กันมายาวนานถึง 50 ปีตั้งแต่คุณ Paul อายุ 33 จนวาระสุดท้ายของเขา (83) คุณ Joanne ก็เป็นหนึ่งในนักแสดงเจ้าบทบาทของฮอลลีวูดในยุคนั้นเช่นกัน เพราะเคยได้รับรางวัล Oscar ดารานำหญิงในปี 1957 (The Three Faces of Eve) ถึงแม้คุณ Paul จะเคยแต่งงานมาก่อน แต่คุณ Paul กับ Joanne นับเป็นคู่ดาราที่ครองคู่อยู่ด้วยกันยาวนานที่สุดในวงการฮอลลีวูดเลยทีเดียว
ที่ต้องพูดถึงคุณ Joanne Woodward เพราะตำนาน Daytona Paul Newman ทั้งหมดจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีเธอคนนี้ หลังจากที่รู้ว่าสามีหลงไหลกับการแข่งรถมาก ในวันนึงเธอจึงตัดสินใจเลือกของขวัญที่เธอคิดแล้วว่า เหมาะกับสามี ช่วงปี 1969 ไม่มีนาฬิกาอะไรโดดเด่นไปกว่า Omega Speed Master “Moon Watch” ความภาคภูมิใจของคนอเมริกันทั้งประเทศ แต่คุณ Joanne กลับเลือก Rolex Daytona ที่มีสีหน้าปัดแปลกตาและไม่ใช่นาฬิการุ่นนิยมในยุคนั้น แต่มันตรงกับความชอบของเธอเอง เธอเลือก Rolex Daytona Ref.6239 หน้าแพนด้า ซึ่งต่อมามันคือตำนานแห่งนาฬิกาเรือนนึงของโลก
จากคำบอกเล่า Rolex Daytona Steel ในช่วงเวลานั้น ราคาประมาณ 300 ดอลล่าร์ และอาจจะได้ส่วนส่วนลด เพราะขายไม่ค่อยได้ แต่ถ้าคุณทราบว่า คุณ Joanne ใส่ชุดราตรีที่ทำขึ้นเอง ราคาเพียง 100 ดอลล่าร์ ไปรับรางวัล Oscar ของตัวเองเมื่อปี 1958 ก็คงไม่แปลกใจนักที่เธอจะมีรสนิยม Indy ในเรื่องแบบนี้ นอกจากนั้น เธอขอให้ร้าน Tiffany&Co. สลักคำ 3 คำที่ฝาหลังนาฬิกาว่า “ Drive Carefully, Me ” ซึ่งทำให้นาฬิกาเรือนนี้กลายเป็นตำนาน
จุดเด่นของ Rolex 6239 Exotic Dial ‘Paul Newman’ Rolex Daytona ที่อยู่กลุ่ม Paul Newman มีหลายรุ่น ตั้งแต่ 6239-41, 6262-65 เนื่องจากหน้าปัดแบบนี้สามารถนำไปใช้กับ Daytona รุ่นอื่นได้เรื่อย ๆ แต่นาฬิกาของ Paul Newman ในการประมูลครั้งนี้จะเป็น Rolex Daytona รุ่น 6239 ผลิตช่วงยุคปลายปี 60's ซึ่งมีเอกลักษณ์หน้าปัดที่เรียกภาษาอังกฤษว่า ‘Exotic Dial’ (ตามภาพข้างล่าง) :
- พื้นหน้าปัดสีขาวนวล (ตามอายุของนาฬิกา)
- วงรีจิสเตอร์สามวงย่อยสีดำ สลับหลักตัวเลขด้วยสกรีนรูปหัวค้อน (หรือบางท่านอาจจะเรียกว่าหลักดอกหญ้า) ตัวเลขใช้ตัวหนังสือแบบ Art Deco เข็มเล็กทรงดาบสีเดียวกับหน้าปัดหลัก
- ตัดขอบหน้าปัดหลักด้วยแถบสีดำและสเกลเศษส่วนของวินาที (Micro Second) ด้วยขีดสีแดง แบ่ง 5 ช่องต่อวินาที (Exotic Dial จะมีเวอร์ชัน Micro Second Scale เป็นสีขาวด้วย)
- มงกุฎ Rolex เป็นโลหะ มีตัวหนังสือทั้งหน้าปัดแค่ 3 คำ 3 บรรทัดทั้งหมดคือ Rolex / Cosmograph และ Daytona ในตัวหนังสือสีแดงที่วางโค้งรับกับวงรีจิสเตอร์ตำแหน่ง 6 นาฬิกา
หน้าปัด Exotic Dial 4 สี (ขาว/ดำ/แดง/สตีล) พิมพ์นิยมนี้ทำให้หน้าปัดแบบ Paul Newman มีเอกลักษณ์อย่างเห็นได้ชัด จนแม้แต่นาฬิการุ่นเดียวกันที่มีรหัสรุ่นเดียวกัน วงหน้าปัดย่อยแบบแพนด้าเหมือนกัน แต่ต่างกันเพียงแค่ไม่ใช่ Exotic Dial ราคาอาจจะต่างกันตั้งแต่ 3 – 10 เท่า อย่างไรก็ตาม Rolex Daytona รหัส 6xxx เกือบทั้งหมด ขอแค่มีสภาพปานกลาง ราคาปัจจุบันเริ่มต้นไม่ต่ำกว่า 1-10 ล้านบาท ไม่ว่าจะมีกล่อง+ใบหรือไม่ก็ตาม และคุณอย่าคิดว่านาฬิกาที่ทำด้วย Stainless จะแพงได้ถึงไหนกัน เพราะ Daytona Steel ที่แพงที่สุดเท่าทีเคยมีการประมูลกัน ปีดราคาได้สูงถึง 2 ล้านดอลล่าร์ หรือประมาณ 70 ล้านบาท เมื่อไม่นานมานี้เอง และแน่นอน มันคือหน้าปัดแบบ Exotic Dial Paul Newman
เรื่องแปลกของ Daytona คุณ Paul Newman ใส่จริง ๆ อยู่ตรงที่คุณ Paul ไม่เคยใช้สาย Oyster Steel ที่ติดมากับเรือนเลย แต่กลับใช้สายหนังแบบคาดมือ (Fat Leather Strap) ที่มีแผ่นหนังปิดฝาหลังนาฬิกาไว้ อาจจะเพราะรสนิยมความชอบส่วนตัว หรืออาจจะเพราะคุณ Paul แพ้โลหะ หรืออาจจะเพราะเขามีความรู้สึกต่อข้อความที่สลักที่ฝาหลังก็ตาม นาฬิกาของคุณ Paul เรือนนี้จึงมาแต่ตัวเรือน กับความทรงจำของคนทั้งโลกที่มีต่อคุณ Paul เพราะ ทั้งใบ ทั้งกล่อง ทั้งสาย ไม่มีมาด้วย แต่มันถูกบ่มด้วยเวลาจนทำให้สีหน้าปัดออกมาขาวนวลสวยตามแบบพิมพ์นิยม ผู้ครอบครองนาฬิกาคนปัจจุบันเล่าว่า เขาไม่เคยนำมันไป Service เลย
ความสัมพันธ์ของ Rolex กับคุณ Paul Newman
อาจจะมีการตั้งคำถามว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้น ต้องเป็นแผนการตลาดที่แยบยลของ Rolex กับคุณ Paul แบบลับ ๆ แต่หลังจากที่ Watch Blogger หลายคนพยายามปะติดปะต่อ ถอยไปที่จุดเริ่มต้นพบว่า ถ้า Rolex ไม่ใช่สุดยอดอัจฉริยะด้านการตลาด ก็ต้องเป็นเพราะนโยบายที่หนักแน่นของ Rolex ช่วงเวลานั้นเองที่เลือกที่จะ ไม่ทำแบบนั้น ข้อมูลที่ Blogger ทั่วโลกพยายามสืบจนพบว่าคุณ Paul ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบนาฬิกา Daytona โดยส่วนตัวเขาเอง คุณ Paul มี Daytona ทั้งหมด 5 เรือนตลอดชีวิตของเขา เคยมี Blogger ใจกล้าคนหนึ่งถามคุณ Paul ตรง ๆ ว่าคุณ Paul เคยได้รับเงินจาก Rolex ให้โปรโมตนาฬิกาบ้างหรือไม่ คุณ Paul ตอบว่าเขาไม่เคยมีความเกี่ยวข้องทางธุรกิจใด ๆ กับ Rolex เราอาจจะเห็นแต่โปสเตอร์บางภาพที่คุณ Paul Newman ใส่ Daytona 6239 ติดตัวต่อเนื่องกันมาเป็นเวลากว่า 10 ปี แปลว่ามาจากความตั้งใจของเขาเอง จนกระทั่งวันสุดท้ายเขาได้ถอดให้กับ James Cox แฟนของลูกสาวไปฟรี ๆ เมื่อปี 1984
Rolex Daytona 6239 ของ Paul Newman ปัจจุบันอยู่ที่ไหน?
คนทั่วไปคงคิดว่า นาฬิกาในตำนานเรือนนี้ สุดท้ายก็น่าจะอยู่ในกรุสมบัติของครอบครัว Newman แต่เรื่องจริงกลับน่าประหลาดใจเพราะคุณ Paul Newman ถอดนาฬิกาเรือนนี้ให้กับแฟนของลูกสาวที่ชื่อว่า James Cox ไปฟรี ๆ เมื่อฤดูร้อนปี 1984 ในขณะนั้น James Cox คบหากับลูกสาวของคุณ Paul ชื่อ Nell Newman (Nell Potts เป็นชื่อในการแสดง) ตอนนั้นทั้งคู่อายุประมาณ 20 กลาง ๆ เหตุเกิดช่วงฤดูร้อนปี 1984 ที่ James Cox ไปช่วยซ่อมแซมบ้านต้นไม้ในพื้นที่ของบ้านคุณ Paul อยู่หลายวัน จนวันหนึ่ง คุณ Paul ใส่ Daytona 6239 คู่ใจตามปกติแต่ปรากฏว่าเขาลืมไขลาน (Daytona รุ่น 4 หลักมีแต่เครื่อง Val.72x แบบไขลานเท่านั้น) คุณ Paul เลยเอ่ยปากถามเวลากับ James แต่ James ตอบว่าเขาไม่มีนาฬิกาซักเรือน คุณ Paul จึงถอดนาฬิกา Daytona ที่ยังไม่ได้ตั้งเวลาให้กับ James แล้วพูดว่า
“if you can remember to wind this each day, it tells pretty good time.” แปลได้ว่า “ถ้าไขลานได้ทุกวัน นาฬิกาเรือนนี้เดินดีมาก” … (คุณ Paul แกคงกลัวว่า James Cox ไม่ชอบนาฬิกาเรือนนี้เลยต้องออกตัวโฆษณาให้อีกด้วย)
แปลกไหม... ทำไมคุณ Paul ถึงยกนาฬิกาที่ภรรยาซื้อเมื่อสิบปีก่อนให้กับ James Cox ง่าย ๆ หนุ่มน้อยที่เป็นเพียงแค่แฟนของลูกสาวในช่วงเวลานั้น แต่หากย้อนดูประวัติครอบครัวของคุณ Paul จะพบว่า คุณ Paul มีลูกทั้งหมด 6 คนจากภรรยาเก่า 3 คน และกับคุณ Joanne 3 คน แต่คุณ Paul มีลูกชายเพียงคนเดียวคือ Scott Newman ซึ่งเกิดกับภรรยาคนเก่า Jackie E. Witte
แต่เมื่อปี 1978, ด้วยวัยเพียง 28 ปี Scott Newman ลูกชายคนเดียวของคุณ Paul เสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาด หัวอกคนเป็นพ่ออย่าง Paul Newman ย่อมเสียใจอย่างสุดซึ้ง คุณ Paul พยายามพาลูกชายคนนี้เข้าวงการบันเทิง โดยให้ Scott รับบทเล็ก ๆ แสดงร่วมกับเพื่อนดาราดังอย่าง Steve McQueen หรือ Robert Redford เมื่อลูกชายคนเดียวจากไป คุณ Paul คงไม่ยึดติดกับอะไรอีก เวลาผ่านไป 6 ปี James Cox เข้ามาในจุดที่พอดี คุณ Paul อาจมอง James Cox เป็นเหมือนลูกชายที่เขาอยากให้เป็น จึงยกนาฬิกาบนข้อมือให้อย่างไม่รู้สึกเสียดายอะไร
อย่างไรก็ตาม James Cox ก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัว Newman มาถึงปัจจุบัน
เมื่อ James Cox ได้รับนาฬิกาไป เขาก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับนาฬิกาเรือนนี้มากนัก แต่ก็เก็บรักษาไว้อย่างดี จนมีวันหนึ่งขณะที่เขาออกไปเดินเล่น มีชายชาวเอเชีย เข้ามาทักเขาว่า เขาใส่ “Paul Newman’s Watch” ซึ่งเขาก็ได้แต่ตกใจว่า ชายเอเชียคนนี้ทราบได้อย่างไรว่า ว่าเป็นนาฬิกาของ Paul Newman จนเขากลับไปค้นคว้าและพบว่า นาฬิกาเรือนนี้คือตำนานที่ผู้คนเสาะหากันทั่วโลก ถึงแม้ว่ามันจะแค่เป็นแค่รุ่นหน้าตาเหมือนกันก็ตาม
ด้วยความที่เขายังคงคบหาเป็นเพื่อนสนิทกับ Nell Newman แม้ว่าต่างคนต่างจะมีครอบครัวไปแล้วก็ตาม เมื่อได้รับการทาบทามจาก สถาบันประมูล Phillips ที่มีชื่อเสียงเรื่องการประมูลของมีค่าของคนดัง การประมูลแห่งศตวรรษจึงถูกกำหนดขึ้นในวันที่ 26 ตุลาคม 2017 โดยที่ James Cox ไม่ได้แสดงความเป็นเจ้าของ 100% แต่กลับมีข้อตกลงออกมาว่า เงินรายได้จากการประมูลจะเข้ามูลนิธิ Nell Newman และมูลนิธิ Newman’s Own ที่เป็นของครอบครัว Newman อีกส่วนหนึ่งจะเป็นทุนในการสานต่อโครงการอาหาร Organic ที่ Nell ฝันว่าจะทำให้สำเร็จ
คาดการณ์ผลการประมูล
ถึงแม้ว่า ราคาตั้งต้นของ Paul Newman’s Paul Newman จะเริ่มต้นที่ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 33 ล้านบาทไทย แต่คงจะไม่แปลกหากจะมีเศรษฐีชาวเอเชีย ยอมจ่ายเพื่อครอบครองนาฬิกาแห่งตำนานนี้ด้วยราคาเกิน 3 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 100 ล้านบาท ต้องไม่ลืมว่า ลำพังนักสะสมคนไทยบางท่านก็มีคอลเลคชั่น Daytona ในกรุมูลค่าปัจจุบันก็น่าจะเกิน 500 ล้านบาทแล้ว อย่างไรก็ตาม พลังเงียบจากชาวอเมริกันที่ไม่ต้องการให้สมบัติขิ้นนี้ไปตกอยู่กับคนต่างชาติคงปรากฏตัวในวันพฤหัสที่ 26 นี้อย่างแน่นอน
ส่วนตัวลัดดาเอง คงจะแอบคิดเล่น ๆ ว่า Paul Newman’s Paul Newman เรือนนี้อาจจะมีราคาสูงเกิน 10 ล้านเหรียญหรือเกินกว่า 330 ล้านบาท หากมองแบบคนที่มีกำลังซื้อไม่อั้น อยากได้ต้องได้ และอาจจะเคยจ่ายเงินเท่านี้มาแล้ว คุณจะเป็นเจ้าของนาฬิกาที่คล้ายนาฬิกาของ Paul Newman หลายเรือนไปทำไม ถ้าวันหนึ่งคุณมีโอกาสได้เป็นเจ้าของนาฬิกาของ Paul Newman ในตำนานเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก
hodinkee.com / rolexmagazine.com / imdb.com / watchtime.com / timeandwatches.com / Phillips.com / wsj.com / nytimes.com
Comments